บริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) (TMILL) โรงงานโม่แป้งสาลีรายใหญ่และมีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยที่สุดในประเทศ รายงานผลประกอบการปี 64 สูงสุดตั้งแต่เปิดดำเนินการมา 14 ปี ด้วยผลกำไรสุทธิที่ 112.68 ล้านบาท พร้อมปันผลอัตราหุ้นละ 0.13 บาท เตรียมขึ้นเครื่องหมายXD 22 มี.ค.65
นางแววตา กุลโชตธาดา รองผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบัญชี บริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) TMILL เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 112.68 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.28 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไร 105.52 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.26 บาท หรือคิดเป็นการเติบโต 6.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ทั้งนี้ ในปี 2564 นี้ นับเป็นปีที่บริษัทฯ มีผลประกอบการกำไรสูงสุดตั้งแต่เปิดดำเนินการมา 14 ปี ถึงแม้ว่าจะต้องประสบกับปัญหาราคาข้าวสาลีที่สูงที่สุดในรอบ 14 ปีก็ตาม เป็นผลจากการการทำงานที่มุ่งมั่น ตั้งใจของฝ่ายบริหาร และพนักงาน TMILL ทุกคน
สำหรับรายได้จากการจำหน่ายในปี 2564 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 1,483 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีรายได้จากการจำหน่ายอยู่ที่ 1,464 ล้านบาท โดยรายได้จากการจำหน่ายแป้งสาลี ลดลง 0.6% ส่วนรายได้จากการจำหน่ายรําข้าวสาลีเพิ่มขึ้น 1.9% ทั้งนี้ถึงแม้ปริมาณการจำหน่ายแป้งสาลีและรําข้าวสาลี ลดลง 4.1% และ 5.0% แต่ราคาจำหน่ายแป้งสาลีและรําข้าวสาลีเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 3.4% และ 19.0% เนื่องจากในปี 2564 ราคาตลาดข้าวสาลีปรับสูงขึ้นมากที่สุดในรอบกว่าสิบปี จึงทำให้มีการปรับราคาจำหน่ายแป้งสาลีขึ้น และราคารําปรับสูงขึ้นจากปัญหาผลผลิตของสินค้าเกษตรในกลุ่มอาหารสัตว์ที่ลดลง ทำให้มีความต้องการรํามากขึ้น
ด้านอัตราต้นทุนขายในปี 2564 ลดลงและอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น 1.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลมาจากต้นทุนเฉลี่ยของข้าวสาลีที่ใช้ในปี 2564 นี้สูงขึ้นในสัดส่วนที่น้อยกว่าราคาจำหน่ายรําที่ปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่บริษัทฯ มีอัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยในปี 2564 อยู่ที่ 72.19% ลดลง 3.2% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 75.39% เนื่องมาจากบริษัทฯได้ปรับกลยุทธ์ในการจำกัดการจำหน่ายแป้งจากผลกระทบด้านราคาข้าวสาลีที่ปรับสูงขึ้นแรงมาก
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2565 ในวันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 มีมติพิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิประจำปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.13 บาท คิดเป็นเงิน 51,826,327.93 บาท โดยจะขึ้นเครื่องหมายวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 22 มีนาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม 2565
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรสุทธิ 6 เดือนแรกของปี 2564 ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 9/2564 เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท คิดเป็นเงิน 31,893,124.88 บาท รวมเงินปันผลที่จ่ายทั้ง 2 ครั้ง ประจำปี 2564 เท่ากับ 0.21 บาทต่อหุ้น เป็นเงิน 83,719,452.81 บาท และในปี 2565 นี้ บริษัทฯ ไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาผลงานให้มีการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน และสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกท่านอย่างต่อเนื่อง
อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket